ให้นักศึกษาอ่านบทความต่อไปนี้วิเคราะห์แสดงความคิดเห็น
1.แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา ให้นักศึกษาอ่านบทความอย่างน้อย 3 บทความหรือมากกว่า ใช้ Keywordว่า "แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา"ให้เขียนเชื่อมโยง วิเคราะห์ลงในบล็อกของนักเรียน
1.แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา ให้นักศึกษาอ่านบทความอย่างน้อย 3 บทความหรือมากกว่า ใช้ Keywordว่า "แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา"ให้เขียนเชื่อมโยง วิเคราะห์ลงในบล็อกของนักเรียน
แท็บแล็ตเพื่อการศึกษา(Tablet for Education) กลายเป็นเครื่องมือด้านสื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาที่สำคัญและมีอิทธิพลค่อนข้างมากต่อการปรับใช้ในการสร้างมิติแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการจัดการศึกษาไทยในปัจจุบันในยุคสังคมสารสนเทศและอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งแนวนโยบายของรัฐบาลมุ่งเน้นที่จะใช้สื่อแท็บแล็ตให้ผู้เรียนทุกคนได้เรียนรู้ตามศักยภาพและความพร้อมที่มีอยู่
โดยที่นโยบายของการปฏิบัติของนักเรียนช่วงแรกตามโครงการ One Tablet PC
Per Child จะมุ่งเน้นไปที่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
1 จำนวนประมาณ 539,466 คน เป็นกลุ่มเป้าหมายนำร่องที่สำคัญของการนำสื่อแท็บแล็ตสู่การพัฒนาการเรียนรู้ในครั้งนี้
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แท็บแล็ต
นับได้ว่าเป็นสื่อกระแสหลักที่กำลังมาแรงในสังคมยุคออนไลน์หรือสังคมสารสนเทศระบบเปิดในปัจจุบัน
เป็นสื่อที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในทุกกลุ่มอาชีพรวมทั้งการศึกษาและการเรียนรู้ของผู้เรียนทุกระดับเนื่องมาจากสมรรถนะทางเทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานจึงทำให้สื่อมีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน
แม้แต่ในวงการศึกษาไทยที่ภาครัฐยังได่กำหนดและสนับสนุนการใช้ให้เกิดการเรียนรู้ในวงกว้างในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามนวัตกรรมและเทคโนโลยีตามกระแสสังคมต้องมีการวางแผนและปรับใช้อย่างรอบคอบเพื่อให้บรรลุผลสูงสุดในทางปฎิบัติและคุ้มค่ากับการลงทุน
ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องกับการใช้สื่อแท็บแล็ตเพื่อการศึกษาคงต้องวิเคราะห์รายละเอียดและกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการปรับใช้กับผู้เรียน
และประการสำคัญคือตัวผู้สอน “ ครู”คงต้องมีทักษะและสร้าง Computer Literacy
ที่เหมาะสมกับระดับความสามารถของตนเอง
เพื่อรับมือกับอิทธิพลการปรับใช้แท็บแล็ตในการเรียนรู้ร่วมกับผู้เรียนดังกล่าวควบคู่ไปกับการศึกษาวิจัยเพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกันโดยรวม
แท็บแล็ต (Tablet)
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ที่ให้คุณสามารถพกติดตัวได้โดยวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนสมุดหรือกระดาษ
"แท็บแล็ต -
Tablet" ในความหมายแท้จริงแล้วก็คือแผ่นจารึกที่เอาไว้บันทึกข้อความต่างๆโดยการ
เขียน (อาจจะเป็นกระดาษ, ดิน, ขี้ผื้ง,
ไม้, หินชนวน) และมีการใช้กันมานานแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่ใช้แนวคิดนี้ขึ้นมาแทนที่ซึ่งมีหลาย
บริษัทได้ให้คำนิยามที่แตกต่างกันไป หลักๆแล้วก็มี 2 ความหมายด้วยกันคือ
"แท็บแล็ตพีซี - Tablet PC (Tablet Personal Computer)" และ "แท็บแล็ตคอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บแล็ต - Tablet" ในปัจจุบันถูกพัฒนาให้มีความสามารถใกล้เคียงเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คเลยทีเดียว
เครื่องแท็บแล็ตพีซี
มีขนาดไม่ใหญ่มากสามารถถือได้ด้วยมือเดียวและน้ำหนักเบากว่าเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค
แท็บแล็ตพีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)
"แท็บแล็ต พีซี - Tablet
PC (Tablet personal computer)" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สามารถพกพาได้และใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงาน
เป็นอันดับแรก ออกแบบให้สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเอง" ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากหลังจากทาง
Microsoft ได้ทำการเปิดตัว Microsoft Tablet PC ในปี 2001 แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไปและไม่เป็นที่นิยมมากนัก
"แท็บแล็ตพีซี - Tablet PC" ไม่เหมือนกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ
Laptops ตรงที่อาจจะไม่มีแป้นพิมพ์ในการใช้งาน แต่อาจจะใช้แป้นพิมพ์เสมือนจริงในการใช้งานแทน
(มีแป้นพิมพ์ปรากฎบนหน้าจอใช้การสัมผัสในการพิมพ์) " แท็บแล็ตพีซี
- Tablet PC" ทุกเครื่องจะมีอุปกรณ์ไร้สายสำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและระบบเครือข่ายภายใน
แท็บแล็ตคอมพิวเตอร์ - Tablet Computer หรือแท็บแล็ต
- Tablet
"
แท็บแล็ตคอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า " แท็บแล็ต- Tablet" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้ในขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางและใช้หน้าจอ สัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก
มีคีย์บอร์ดเสมือนจริงหรือปากกาดิจิตอลในการใช้งานแทนที่แป้นพิมพ์คีย์บอร์ด และมีความหมายครอบคลุมถึงโน๊คบุ๊คแบบ
convertible ที่มีหน้าจอแบบสัมผัสและมีแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดติดมาด้วยไม่ว่าจะเป็นแบบหมุน
หรือแบบสไลด์ก็ตาม" ซึ่งทางบริษัท Apple ผู้ผลิต
"ไอแพด - iPad" ได้เรียกอุปกรณ์ของตัวเองว่าเป็น
" แท็บแล็ตคอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" เครื่องแรก
ความแตกต่างระหว่าง
"แท็บแล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet
computer" และ " แท็บแล็ตพีซี - Tablet PC" เริ่มแรก " แท็บแล็ตพีซี - Tablet PC" จะใช้หน่วยประมวลผลกลางหรือ
CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม x86 ของ Intel
เป็นพื้นฐานและมีการปรับแต่งนำเอาระบบปฏิบัติการหรือ OS ของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ Personal Computer - PC มาทำให้สามารถใช้การสัมผัสในการทำงานได้ ตัวอย่างเช่น Windows 7 หรือ Ubuntu Linux แทนที่จะใช้แป้นพิมพ์คีย์บอร์ดหรือเมาส์
และเนื่องจากเป็นการรวมกันระหว่างระบบปฏิบัติการ Windows และหน่วยประมวลผลกลางหรือ
CPU ของ Intel ทำให้มีคนเรียกกันว่า
"Wintel"
ต่อมาในปี
2010 ได้เกิดแท็บแล็ตที่แตกต่างจาก "แท็บแล็ต พีซี - Tablet
PC" ขึ้นมาโดยไม่มีการยึดติดกับ Wintel แต่ไปใช้ระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์เคลื่อนที่แทนนั่นก็คือ
"แท็บแล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer หรือเรียกสั้นๆว่าแท็บแล็ต
- Tablet" ซึ่งจะใช้หน้าจอแบบ capacitive แทนที่ resistive ทำให้สามารถสัมผัสโดยการใช้นิ้วได้โดยตรงและสัมผัสพร้อมกันทีละหลายจุดได้
หรือ multi-touch ประกอบกับการใช้หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU
ที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM แทนซึ่งสถาปัตยกรรม ARM
นี้ทำให้แท็บแล็ตนั้นมีการใช้งานได้ยาวนานกว่าสถาปัตยกรรม x86
ของ Intel หลายๆคนคงจะรู้จักแท็บแล็ตัวนี้กันเป็นอย่างดีนั้นก็คือ
ไอแพด (iPad) นั้นเอง
แหล่งข้อมูลจาก
-http://www.moe.moe.go.th.pdf
2.อ่านบทความเรื่องสมาคมอาเซียนอ่านบทความอย่างน้อย 3 บทความหรือมากกว่า
ใช้ Keywordว่า "สมาคมอาเซียน" ให้เขียนวิเคราะห์
ประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้าน การเตรียมตัวเป็นครู นักเรียน นักศึกษา
เพื่อไปสู่อาเซียนได้อย่างไร
อาเซียน คือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East AsianNations หรือ ASEAN) โดยการจัดตั้งในครั้งแรกมีจุดประสงค์เพื่อ
ส่งเสริมและร่วมมือในเรื่องสันติภาพ,ความมั่นคง, เศรษฐกิจ, องค์ความรู้, สังคมวัฒนธรรม
บนพื้นฐานความเท่าเทียมกันและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิกโดย อาเซียน
ได้ก่อตั้งขึ้นโดย ปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) เมื่อวันที่
8 สิงหาคม พ.ศ.2510 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้ง
5 ประเทศคือ
1.ไทย โดย พันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ (รัฐมนตรีต่างประเทศ)
2.สิงคโปร์ โดย นายเอส ราชารัตนัม (รัฐมนตรีต่างประเทศ)
3.มาเลเซีย โดย ตุน อับดุล ราชัก บิน ฮุสเซน (รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ)
4.ฟิลิปปินส์ โดย นายนาซิโซ รามอส (รัฐมนตรีต่างประเทศ)
5.อินโดนีเซีย โดย นายอาดัม มาลิก (รัฐมนตรีต่างประเทศ)
2.สิงคโปร์ โดย นายเอส ราชารัตนัม (รัฐมนตรีต่างประเทศ)
3.มาเลเซีย โดย ตุน อับดุล ราชัก บิน ฮุสเซน (รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ)
4.ฟิลิปปินส์ โดย นายนาซิโซ รามอส (รัฐมนตรีต่างประเทศ)
5.อินโดนีเซีย โดย นายอาดัม มาลิก (รัฐมนตรีต่างประเทศ)
ต่อมาได้มีประเทศต่างๆ
เข้าร่วมเป็นสมาชิกเพิ่มเติม คือ
8 ม.ค.2527 บรูไนดารุสซาลาม, 28 ก.ค. 2538 เวียดนาม, 23 ก.ค.
2540 สปป.ลาว และ พม่า, 30 เม.ย. 2542
กัมพูชา ให้ปัจจุบันมีสมาชิกอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศ
คำขวัญอาเซียน คือ หนึ่งวิสัยทัศน์, หนึ่งอัตลักษณ์, หนึ่งประชาคม (One Vision, One Identity, One Community)
อาเซียน รวมตัวกันเพื่อ
ความร่วมมือกันทางการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
และได้มีการพัฒนาการเรื่อยมา จนถึงขณะนี้ที่เรามีกฎบัตรอาเซียน (ธรรมนูญ อาเซียน หรือ ASEAN
Charter) ซึ่งเป็นเสมือนแนวทางการดำเนินงานที่จะนำไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนซึ่ง
ประกอบด้วย 3 สิ่งหลักๆ คือ
1.การเมืองความมั่นคง
2.เศรษฐกิจ(AEC)
3.สังคมและวัฒนธรรม
2.เศรษฐกิจ(AEC)
3.สังคมและวัฒนธรรม
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มีพัฒนาการไปด้วยกัน
โดยเหตุที่คนส่วนใหญ่มักจะพูดถึงแต่ AEC
ซึ่งก็คือด้านเศรษฐกิจหรือ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน คงเป็นเพราะว่าเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ดูจะจับต้องได้มากกว่าเรื่อง
อื่นๆ อีกทั้งในการขับเคลื่อนส่วนใหญ่แล้วที่มักจะก้าวไปเร็วกว่าส่วนอื่นๆ ก็คือภาคธุรกิจ
ดังนั้น คนอาจจะรับรู้เรื่อง AEC มากกว่ามิติความร่วมมืออื่นๆ
ของอาเซียน
อย่างไรก็ดี
ความร่วมมือทั้ง 3 เสาหลักของอาเซียนก็มีความสำคัญด้วยกันทั้งสิ้น เพราะการสร้างประชาคมอาเซียนย่อมหมายถึงการร่วมมือและหลอมรวมกันในทุกมิติ
และแต่ละมิติก็ล้วนมีความสำคัญและส่งเสริมซึ่งกันและกัน เราคงไม่อาจผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจได้หากปราศจากความมั่นคงทางการ
เมือง หรือความเข้าใจกันของคนในอาเซียน
ขณะนี้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน
เรื่องการเปิดเสรีแรงงานในอาเซียนจะทาได้อย่างอิสระ ประเภทว่าข้ามฝั่งโขงไปก็หางานทำได้เลย
ข้อเท็จจริง ไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้น เพราะการเปิดเสรีด้านแรงงานที่อาเซียนได้เจรจากันครอบคลุมเฉพาะในส่วนของแรง
งานมีฝีมือ ขณะนี้อาเซียนได้จัดทำข้อตกลงยอมรับร่วมในคุณสมบัติวิชาชีพเพียง 7 สาขา คือ แพทย์ ทันตแพทย์
พยาบาล นักบัญชี วิศวกร สถาปนิก และชำงสำรวจ แต่การที่แรงงานมีฝีมือใน 7 สาขาดังว่าจะเข้ามาทำงานในประเทศต่างๆ ในอาเซียนได้
จะต้องทาตามขั้นตอนและกฎระเบียบภายในประเทศต่างๆ อยู่ดี เช่น ถ้าจะมาทำงานในไทยก็ต้องผ่านการสอบใบประกอบวิชาชีพหรือผ่านขั้นตอนการ
ประเมินตามเงื่อนไขภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเสีย ก่อน
อย่างไรก็ตาม
ในส่วนของแรงงานไร้ฝีมือไม่อยู่ในขอบเขตของการเปิดเสรีด้านบริการอาเซียน ดังนั้นการเปิดเสรีเป็นคนละส่วนกับปัญหาแรงงานต่างด้าวทั่วไป
รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งในส่วนนั้น ประเทศไทยได้ร่วมมือกับรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ไขปัญหาและจัดระเบียบ
เมื่อไม่นานมานี้มีการสอบถามความตระหนักรู้ของประชาชนใน
10 ประเทศสมาชิกเกี่ยวกับอาเซียน ปรากฏว่า ไทยอยู่ในอันดับท้ายๆ ขณะที่ประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซียน
(CLMV) อย่าง ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ และเวียดนาม
กลับรู้จักและเห็นความสำคัญของอาเซียนมากกว่า เพราะเขาติดตามข่าวสารเกี่ยวกับประเทศไทย
ซื้อสินค้าไทย ดูละครไทย และเรียนรู้ภาษาไทยกันมากขึ้น คนไทยเป็นคนเก่ง มีจุดแข็งและมีความโดดเด่นหลายด้าน
และไม่ได้ด้อยเรื่องความรู้ความสามารถ แต่ยังมีจุดอ่อนอันดับแรกในเรื่องของภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาทางการของอาเซียน
ซึ่งต้องพัฒนาอีกมาก
นอกจากนี้
เราต้องหันมาให้ความสนใจกับประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนด้วยกันเองมากขึ้น ว่าตอนนี้เขาทำอะไรกัน
มีพัฒนาการในเรื่องใด มีความแข็งแกร่งและมีจุดอ่อนในเรื่องไหน เพราะเมื่อรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนใน
ปี 2558 ประเทศในอาเซียนจะมีการติดต่อกันมากขึ้น
ขณะที่องค์กรต่างๆในไทย
ก็ต้องพัฒนาความรู้และติดตามข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับอาเซียนในสาขาที่เกี่ยว กับตนเอง
เพื่อให้สามารถรับมือกับคู่แข่งจากอีก 9
ประเทศให้ได้ จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไทยและประเทศไทยอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
จึงอยากให้มองว่าปี 2558 ที่อาเซียนจะก้าวสู่การเป็นประชาคม ไม่ได้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของอาเซียน
แต่เป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของอาเซียน และเราจำเป็นต้องเสริมสร้างการรวมตัวในเสาหลักทั้ง
3 เสาอย่างต่อเนื่องต่อไป
ประเทศไทยกับอาเซียน
1.
อาเซียน : จากสมาคมสู่ประชาคม
2.
ประเทศไทยกับการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน
3.
อาเซียน : วิสัยทัศน์ในอนาคต
4.
ประโยชน์ที่ไทยจะได้รับ
3.อ่านบทความครูกับภาวะผู้นำของ
ผศ.ดร.สมาน คำฟูแสง ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับครู ให้ยกตัวอย่าง ประกอบ
แสดงความคิดเห็น บทความ ผศ.ดร.สมาน คำฟูแสง
"การที่ครูมีความรู้ความสามารถและแสดงออกให้เห็นว่าเป็นผู้มีสมรรถนะด้านการจัดการเรียนการสอน
เป็นที่ยอมรับของเพื่อนครู นักเรียน(นักศึกษา) และผู้ปกครอง จนทำให้เกิดกระบวนการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วมให้เกิดในองค์กรได้"
ผู้นำที่ดีจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
4 ด้านคือ ศรัทธา ความไว้วางใจ สร้างแรงบันดาลใจ ยอมรับในความเป็นปัจเจกบุคคล
และได้พูดถึง
ครูกับภาวะผู้นำทางวิชาการโดยหยิบยกมาจาก
Diann De
Pasquale ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้เสนอว่า ครูที่จะเป็นผู้นำทางวิชาการ
หรือผู้นำทางการเรียนการสอน ควรมีพฤติกรรม
7 ประการ คือ หาหนังสือที่ติดอันดับขายที่ดีที่สุดมาอ่าน, อยู่กับปัจจุบัน\ ทันสมัย
, หาข้อมูล มีความรู้ที่เกี่ยวกับเด็ก , ทำให้เด็กแสดงออกซึ่งการเป็นภาวะผู้นำ, กำหนดให้เด็กทำงานรวมกันเป็นกลุ่ม , เชิญบุคคลภายนอกมาพูดให้เด็กฟัง ,ท้าทายให้เด็กได้คิด
แหล่งข้อมูลจาก:http://www.gotoknow.org/blogs/posts/315219
|
4.ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นและประเมินวิชานี้ว่า
การเรียนรู้โดยใช้บล็อก นักศึกษามีวิธีการเรียนรู้อย่างไร
แสดงความคิดเห็นหากจะเรียนรู้โดยใช้บล็อก ต่อไปข้างหน้าโอกาสจะเป็นอย่างไร
ควรที่จะให้คะแนนวิชานี้อย่างไร และหานักเรียนต้องการจะได้เกรดในวิชานี้
นักเรียนจะต้องพิจารณาว่า
การเรียนรู้โดยใช้บล็อก
คือ นำบล็อกมาเป็นสื่อการเรียนการสอนได้เป็นย่างดีและมีประโยชน์ต่อข้าพเจ้ามากสามารถประหยัดเวลาในการทำงานส่งเพราะเมื่อหาข้อมูลเสร็จก็สามารถส่งให้อาจารย์ได้เลย
ไม่ต้องเสียเวลาเหมือนวิชาอื่นๆที่ต้องเขียนให้อาจารย์ก่อนส่งทำให้เสียเวลาและทำให้ประหยัดกระดาษอีกด้วย
ข้าพเจ้าได้เรียนรู้หลายอย่างในบล็อกนี้ทั้งการลิงน์ไปหาเพื่อนๆ การตกแต่งต่างๆภายในบล็อก
และในฐานะที่ข้าพเจ้าจะเป็นครูในอนาคต ข้าพเจ้าก็จะใช้บล็อกนี้เป็นสื่อการเรียนการสอนอีกทางหนึ่งและให้เกิดประโยชน์สูงสุด
4.1 ตนเองมีความพยายามมากน้อยเพียงใด
ข้าพเจ้ามีความพยายามมากในการทำบล็อก
ตั้งใจเรียนรู้ในสิ่งต่างๆที่อาจารย์สอนทุกอย่าง
4.2 เข้าเรียนทุกครั้งไม่เคยขาดเรียน
4.2 เข้าเรียนทุกครั้งไม่เคยขาดเรียน
ข้าพเจ้า ขาดเรียน 1 ครั้ง เพราะมีธุระ
4.3 ทำงานส่งผ่านบล็อกตามกำหนดทุกครั้งที่อาจารย์สั่งงาน
4.3 ทำงานส่งผ่านบล็อกตามกำหนดทุกครั้งที่อาจารย์สั่งงาน
ข้าพเจ้าทำงานส่งครบทุกชิ้นและตามกำหนดทุกครั้งตามที่อาจารย์สั่ง
4.4 ทำงานบทบล็อกด้วยความคิดของตนเองไม่ใช้ความคิดคนอื่น
4.4 ทำงานบทบล็อกด้วยความคิดของตนเองไม่ใช้ความคิดคนอื่น
ข้าพเจ้าทำงานด้วยความคิดของตนเองไม่ใช้ความคิดคนอื่น
4.5.สิ่งที่นักเรียนตอบมานั้นเป็นความสัตย์จริง เขียนอธิบายลงในบล็อก
4.5.สิ่งที่นักเรียนตอบมานั้นเป็นความสัตย์จริง เขียนอธิบายลงในบล็อก
ข้าพเจ้าตอบมานั้นเป็นความสัตย์จริง
4.6.อาจารย์จะพิจารณาจากผลงานและความตั้งใจ ความสื่อสัตย์ตนเอง และบอกเกรดว่าควรจะได้เท่าไร แสดงความคิดเห็น
4.6.อาจารย์จะพิจารณาจากผลงานและความตั้งใจ ความสื่อสัตย์ตนเอง และบอกเกรดว่าควรจะได้เท่าไร แสดงความคิดเห็น
ข้าพเจ้าอยากได้เกรด A เพราะข้าพเจ้าตั้งใจทำงานทุกครั้งที่อาจารย์สั่งและส่งงานครบทุกชิ้น ในการทำงานแต่ละครั้งข้าพเจ้าก็มีความตั้งใจที่จะต้องอ่านบทความที่อาจารย์ให้มาและจะต้องสรุปเป็นความคิดของตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น